วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ยูเนสโก ยกย่อง ร.7-พระศรีพัชรินทราฯ-หม่อมงามจิตต์ เป็นบุคคลสำคัญระดับโลก

ปลัดศธ.เผยยูเนสโก ยกย่อง ร.7-พระศรีพัชรินทราฯ-หม่อมงามจิตต์ เป็นบุคคลสำคัญระดับโลกที่ทำคุณงามความดีและทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างรวมถึงมีคุณูปการต่อการศึกษา


วันนี้ (21 พ.ย.) นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมสมัยสามัญขององค์การ การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ครั้งที่ 37 ณ สำนักงานใหญ่ UNESCO กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้ประกาศยกย่องบุคคลสำคัญของโลกและร่วมเฉลิมฉลองประจำปี 2556 ซึ่งในส่วนของประเทศไทยได้รับการยกย่องบุคคลสำคัญของโลกและร่วมเฉลิมฉลองตามที่มีหน่วยงานเสนอพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และเสนอชื่อผู้ที่มีผลงานดีเด่นให้ยูเนสโก ดังนี้ 1.พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เสนอโดยสถาบันพระปกเกล้า เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ในการประกอบพระราชกรณียกิจในประเทศไทย หลังจากเสด็จฯกลับจากการศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2457 และเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันพระราชสมภพครบรอบ 10 ปีนักษัตร ในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ในฐานะที่ทรงมีผลงานดีเด่นด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม สังคมศาสตร์ และสื่อสารมวลชน 2.สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ เสนอโดยราชินีมูลนิธิ เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันพระราชสมภพครบ 150 ปี วันที่ 1 มกราคม 2556 ในฐานะที่ทรงมีผลงานดีเด่นด้านการศึกษาสำหรับเด็กหญิงและสตรี การศึกษาด้านสาธารณสุขศาสตร์ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ประยุกต์ และสังคมและมนุษย์ศาสตร์ และ 3.หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร เสนอโดยมูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีชาตกาล ในปี พ.ศ.2558 เนื่องจากเป็นผู้มีผลงานดีเด่นด้านสังคมสงเคราะห์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาชุมชน และการศึกษาด้านวัฒนธรรม

ที่มา:http://www.manager.co.th/qol/viewnews.aspx?NewsID=9560000144968

เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน)

เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) (กรีกΚωνσταντίνος Γεράκης โคนสตันตินอส เกราคิสอังกฤษConstantine Phaulkon) เป็นนักผจญภัยชาวกรีก ผู้กลายมาเป็นสมุหนายกในรัชสมัยของ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา
นอกจากภาษากรีก ซึ่งเป็นภาษาแม่แล้ว ฟอลคอนยังสามารถพูดภาษาต่างๆมากมาย ได้แก่ ภาษาไทยภาษาอังกฤษภาษาฝรั่งเศสภาษาโปรตุเกส และ ภาษามลายู
วัยเด็ก
ฟอลคอนเกิดที่แคว้นเซฟาโลเนีย (ประเทศกรีซ) เมื่อ พ.ศ. 2190 โดยมีเชื้อสายของชาวกรีกและเวนิซ ฟอลคอนเข้าทำงานให้กับบริษัทอินเดียตะวันออก ของอังกฤษ
พ.ศ. 2205 ฟอลคอนออกจากบ้าน และเดินเรือสินค้าไปค้าขายยังแดนต่างๆ
ชีวิตในอยุธยา
พ.ศ. 2218 เดินทางมายังอยุธยาในฐานะพ่อค้า เนื่องจากฟอลคอนมีความสามารถพิเศษในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศอย่างง่ายดาย ฟอลคอนจึงเรียนรู้การใช้ภาษาไทยอย่างคล่องแคล่วในเวลาไม่กี่ปีและเข้ารับราชการในราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในตำแหน่งล่าม นับเป็นชาวตะวันตกคนแรกที่เข้ามารับราชการในสมัยอยุธยา เป็นตัวกลางการค้าระหว่างอยุธยากับฝรั่งเศส ฟอลคอนได้กลายมาเป็นสมุหเสนาในสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยาในเวลาอันรวดเร็ว
พ.ศ. 2225 ฟอลคอน แต่งงานกับ ดอญ่า มารี กีมาร์ (ท้าวทองกีบม้า) ซึ่งภายหลัง เป็นผู้ประดิษฐ์ขนมไทยหลายอย่าง
ความใกล้ชิดระหว่างเจ้าพระยาวิชาเยนทร์และสมเด็จพระนารายณ์ทำให้เกิดความริษยาขึ้นในหมู่ราชนิกุล ซึ่งส่งให้เกิดผลเสียต่อตัวเจ้าพระยาวิชาเยนทร์เองในเวลาต่อมา เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ทรงพระประชวรหนักใกล้สวรรคต ก็มีข่าวลือว่าเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ต้องการใช้องค์รัชทายาทเป็นหุ่นเชิดและเข้ามาเป็นผู้ปกครองกรุงศรีอยุธยาเสียเอง ซึ่งแม้เหตุดังกล่าวจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่ก็เป็นข้ออ้างให้พระเพทราชา ซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ที่ไม่พอใจกับนโยบายด้านต่างประเทศที่ส่งผลให้มีชาวต่างชาติมาอยู่ในกรุงศรีอยุธยามากมาย วางแผนให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จไปประทับที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ในลพบุรี และสมเด็จพระนารายณ์ก็ได้ไว้ใจมอบอำนาจการสำเร็จราชการแผ่นดินให้พระเพทราชาใน พ.ศ. 2231
บั้นปลายชีวิต
พระเพทราชา เมื่อกุมอำนาจ ก็จับกุมเจ้าพระยาวิชาเยนทร์และผู้ติดตามรวมถึงราชนิกุลองค์ต่าง ๆ และนำไปประหารในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2231 ในวัยเพียง 40 ปี เมื่อองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงทราบถึงเหตุดังกล่าว พระองค์ทรงกริ้วมาก แต่ไม่มีพระวรกายแข็งแรงเพียงพอที่จะทำการใดๆและเสด็จสวรรคตในอีกไม่กี่วันต่อมา สมเด็จพระเพทราชาเสด็จขึ้นครองราชย์โดยการปราบดาภิเษกและปกครองโดยมีนโยบายต่อต้านชาวต่างชาติ ส่งผลให้เกิดการขับไล่ชาวต่างชาติแทบทั้งหมดออกจากราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาการตีความกันไปต่างๆ นานา ถึงเหตุจูงใจที่ทำให้พระเพทราชาสั่งจับกุมและประหารเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ เป็นผลให้จุดยืนของกรีกในประวัติศาสตร์ไทยเป็นเรื่องที่ยังหาข้อสรุปมิได้ นักประวัติศาสตร์ที่เห็นด้วยกับการกระทำของพระเพทราชามองเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ว่าเป็นชาวต่างชาติที่ฉวยโอกาสมาใช้อิทธิพลเข้าควบคุมราชอาณาจักรในนามของผลประโยชน์จากชาติตะวันตก แต่นักประวัติศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งมองว่าเจ้าพระยาวิชาเยนทร์เป็นแพะรับบาป เป็นช่องว่างให้พระเพทราชาสามารถเข้ายึดอำนาจได้จากองค์รัชทายาทโดยนำเอาความริษยาและความระแวงที่มีต่อฟอลคอนมาเป็นมูลเหตุสนับสนุน