วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

มารี อังตัวแนต ราชินีใจบาปหรือเพียงเหยื่อของสังคม


....ราชินีใจบาป ภรรยาที่คบชู้สู่ชาย นางปีศาจ มาดามผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อกฎหมาย นังผู้หญิงออสเตรีย...ต่างๆ เหล่านี้คือคำเรียกขาน พระนางมารี อังตัวเนต เจ้าหญิงองค์เล็กแห่งออสเตรียที่ต้องจากแผ่นดินเกิดของตัวเองมาเข้าพิธีสมรสกับเจ้าชายแห่งฝรั่งเศสด้วยวัยเพียง 14 ปี....

มารี อังตัวเนตกลายเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของโลก ที่รู้จักกันดีในโชคชะตาของพระนางที่ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยเครื่องกีโยติน ในปี 1793 ....

มารี อังตัวเนต โฌเซฟ โยฮฌานน์ วอน ฮับส์บวร์ก – ลอแรนน์ 
( Maria Antonia Josepha Johanna von Habsburg – Lothringen) อาร์คดัชเชสแห่งออสเตรีย ประสูติเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ปี 1755 พระนางเติบโตภายใต้การดูแลอย่างสบายๆ ง่ายๆ ไม่เข้มงวดเท่าราชินิกูลในราชสำนักฝรั่งเศส ตลอดเวลาพระนางได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ห่างไกลจากกฎเกณฑ์ใดๆ เรียกได้ว่า แทบจะคล้ายกับวิถีชีวิตของสามัญชน....

ด้วยวัยเพียง 13 ชันษา พระนางถูกกำหนดให้เตรียมพร้อมในการเข้าพิธีอภิเษกสมรส ด้วยการหัดเล่นฮาร์ปซิคอร์ด กับคีตกวีชื่อดัง รวมทั้งเรียนนาฏศิลป์ฝรั่งเศสด้วย และหลังจากนั้นในปี 1769 พระนางมารี ก็ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับมกุฎราชกุมารแห่งฝรั่งเศส ทั้งนี้ก็เพื่อการเอื้อประโยชน์ให้แก่แผ่นดินของพระนางเอง โดยวันแรกที่ก้าวข้ามแผ่นดินเกิด พระนางก็ถูกเรียกขานจากคนอีกฟากฝั่งทันทีว่า.... ผู้หญิงออสเตรีย....

ทันทีที่ก้าวข้ามแผ่นดิน พระนางมารี ต้องประสบกับชะตากรรมที่ใครก็ไม่อยากเผชิญ การปรับตัวเข้ากับพระราชพิธีและขนบธรรมเนียมแบบฝรั่งเศส การถูกปฏิเสธจากสวามีของตัวเองเป็นเวลาหลายปี ทำให้พระนางมีปฏิกิริยาในด้านตรงข้ามกับจารีตที่กุลสตรีชั้นสูงในราชสำนักควรจะเป็น

หลังจากพระนางได้ขึ้นครองบัลลังค์คู่กับพระสวามีกลายเป็นราชินีแห่งฝรั่งเศสในปี 1774 แล้ว พระนางมารี อังตัวเนตก็ปฏิเสธขนบเดิมทุกประการ ที่ราชินิกุลควรจะเป็น ไม่ว่าการเป็นพระชายาที่ดี เป็นพระมารดาที่ดี และเป็นคาทอลิคที่ดี พระนางกลับทำในด้านตรงข้ามนั้นสิ้น!!

พระนางกลายเป็นราชินีที่ปรารถนาจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง เป็นหนึ่งในผู้ใฝ่อิสรภาพและเสรีภาพ มีความกระหายอยากในความสุขอย่างท่วมท้น และพระนางคือผู้นำแฟชั่นของยุโรปในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ...ต่างๆ เหล่านี้ กล่าวกันว่าเป็นเพราะพระนางประสบความล้มเหลวในชีวิตคู่อย่างสิ้นเชิง

ด้วยพฤติกรรมเช่นนี้ประกอบกับความเป็น ‘คนนอก’ ไม่ใช่คนของแผ่นดินฝรั่งเศส พระนางจึงถูกต่อต้านมาตลอด แต่...พระนางก็ไม่เคยยี่หระกับคนรอบข้างเช่นนั้น โดยพระนางพยายามมีอิทธิพลทางการเมืองเหนือกษัตริย์ ด้วยการแต่งตั้งและถอดถอนรัฐมนตรีตามอำเภอใจของตน โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมแต่ประการใด....

กลุ่มคนที่ต่อต้านพระนาง ได้รวมตัวกันมาตั้งแต่พระนางขึ้นสู่ราชบัลลังค์ มีการโจมตีด้วยข่าวคาว ของการคบชู้สู่ชายไม่ว่าจะกับหญิงหรือชาย พระนางถูกกล่าวหาทั้งสิ้น อีกทั้งมีการใช้จ่ายเงินสาธารณะอย่างสุรุ่ยสุร่าย เพื่อการบันเทิงเริงรมย์ และถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายหนุนหลังให้ออสเตรียแผ่นดินเกิดของตัวเอง

เหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของพระนางก็คือการปฏิวัติฝรั่งเศส เป็นเหตุให้พระนางเดินทางมาถึงจุดจบแห่งชีวิตตัวเอง ซึ่งระหว่างที่ประชาชนฝรั่งเศสอดอยากยากแค้น ก็มีข่าวแพร่สะพัดตลอดเวลาว่า พระนางกลับถลุงเงินหลวงอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใด

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 1789 ขบวนประท้วงของสตรีเดินทางมาถึงพระราชวังแวร์ซายเพื่อเรียกร้องขอขนมปังให้กับครอบครัวตัวเอง พระนางกลับกล่าววลีที่บาดลึกลงไปในใจของใครหลายคน ที่ขณะรายงานว่าประชาชนของแผ่นดินไม่มีขนมปังกิน พระนางกลับตอบไปว่า ‘ให้พวกเขากินเค้กสิ’ ....ราวกับน้ำผึ้งหยดเดียว.....

ในเช้าวันรุ่งขึ้น ประชาชนลุกฮือติดอาวุธที่มีเพียงหอกและมีด บุกเข้าไปในพระราชวัง สังหารองครักษ์เพื่อข่มขวัญเชื้อพระวงศ์ ทำให้บรรดาเชื้อพระวงศ์จำต้องเดินทางกลับกรุงปารีสโดยมีกองทหารม้าตามอารักษ์ขา แต่ระหว่างทางก็ยังมีผู้เรียกร้องยื่นเชือกเส้นหนึ่งให้พระนางทอดพระเนตรว่า จะใช้แขวนคอพระนางกับเสาโคมในกรุงปารีส

เรื่องราวชีวประวัติของพระนางมารีนั้น มีหลายหลากแง่มุม และเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสอย่างยากจะแยกจากกัน ประวัติชีวิตของพระนางถูกนำมาสร้างเป็นบทละคร เป็นภาพยนตร์และหนังสือหลากเล่มหลายนักเขียน และต่างมุมมอง


บั้นปลายชีวิตพระนางมารี อังตัวเนตถูกลดฐานะลงมาเหลือเพียง แม่ม่าย capet และต้องโทษประหารชีวิต ด้วยเครื่องกีโยติน ในวันที่ 16 ตุลาคม 1793 ณ จัตุรัส revolution ณ กรุงปารีส ด้วยวัย 37 ปี เพียงชั่วข้ามคืนจากผมสีทองบลอนซ์ก็กลายเป็นสีขาวในบัดดล จากเด็กสาวผู้อ่อนด้อยประสบการณ์โลก กลายเป็นหญิงชั่วที่ปั่นป่วนขนบแห่งแวร์ซาย เพียงเพื่อหลีกหนีความเบื่อหน่ายในชีวิตของตัวเอง ทำให้พระนางต้องพบจุดจบเช่นนี้ ในเวลา เที่ยงสิบห้านาที ศีรษะของพระนางก็หลุดออกจากบ่า ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของฝูงชน.........