วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

ชนพื้นเมือง ชาวอินเดียนแดง

ดินแดนแผ่นดินอเมริกาที่ชาวโลกรู้กันว่า “โคลัมบัส” เป็นผู้ค้นพบ (จนมีวันโคลัมบัส Columbus Day-จันทร์ที่สองของเดือนตุลาคม Second Monday of October) นั้น จริงๆ แล้วมีคนพื้นเมืองอาศัยอยู่มาก่อน (ก่อนจะถูกคนขาวรุกราน)
คนพื้นเมืองที่ถูกเรียกว่า Red Indian – อินเดียนแดง (เพราะคนค้นพบนึกว่าเดินทางมาถึงประเทศอินเดีย เห็นคนผิวแดงคล้ำเลยเรียกตามนั้น) แต่ที่จะให้ถูกต้องนั้น ควรจะเรียกเจ้าของดินแดน ว่า Native American หรือชนพื้นเมืองค่ะ
แต่ถ้าจะให้ดีและให้เกียรติพวกเขา ก็คงต้องเรียกตามชื่อเผ่าสายพันธุ์ที่แท้จริงของพวกเขา เหมือนยังกับ “ชาวเขา” บ้านเรา ก็ควรจะเรียกว่าเขาเป็นม้ง เป็นกะเหรี่ยง เป็นตองเหลือง มากกว่าเป็นชนกลุ่มน้อย หรือชาวเขา – ที่ฟังแล้วรู้สึกไม่ใช่ “ชาวเรา”
แต่การเรียกให้ถูกชื่อของเผ่าพันธุ์คนพื้นเมืองที่นี่นั้น ก็ยากมากสำหรับคนทั่วไป เพราะเผ่าอินเดียนแดงนั้นมีหลายร้อยเกือบพันเผ่าค่ะ ที่ดังๆ พอเคยได้ยินชื่อก็เช่น Navajo – นาวาโฮ ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดขณะนี้ Apache – อาแพทเช่ ซึ่ง “แป” เคยมีเพื่อนร่วมหอมาจากเผ่านี้คะ หรือCherokee – เชอโรคี เผ่าที่ให้ภาพลักษณ์นักรบกับ “แป”
แม้โครงหน้าของคนพื้นเมืองอเมริกาจะคล้ายกัน ละม้ายคล้ายคนเอเชียน แต่หน้ากว้างและกร้านกว่า ผิวคล้ำออกดำแดง ผมยาวดำสวย แม้แต่ผู้ชายไว้ผมยาวก็ยังเท่ได้ ตัวสูงและแน่นกว่าคนเอเชียน แต่ทว่า แต่ละเผ่าแต่ละกลุ่มก็มีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไป มีขนบธรรมเนียม ประเพณี การแต่งตัว และภาษาพูดที่เป็นเอกลักษณ์ ขนาดต้องใช้เวลาศึกษากันทั้งชีวิตเชียวค่ะ
คนพื้นเมืองชาวอินเดียนแดงเคยถูกขับไล่จากแดนที่เขาอยู่ โดนไล่ต้อนมาทางฝั่งตะวันตกซึ่งกันดาร ถูกขังในเขตกักกันที่เรียกว่า Reservation (คำว่า reservation มีอีกความหมายที่ใช้กันทั่วไป แปลว่า จองล่วงหน้า เลยมีปัญหาเชาว์ถามว่า ทำไมคนพื้นเมืองอินเดียนแดงมาถึงและอยู่อเมริกาก่อนคนอื่นๆ ก็เพราะพวกเขา have a reservation นะสิ ..เล่าให้หายเครียดลงนิดนะคะ)
ภายหลังรัฐจึงประกาศให้เป็นที่ดินของเผ่านั้นๆ แต่คนพื้นเมืองนั้นแสลงหูกับคำว่า reservation นี้มาก ตอกย้ำถึงความปวดร้าวและขมขื่น จึงมักจะเรียกดินแดนของตนว่า Nation เช่น ของเผ่านาวาโฮ ก็เรียกว่า Navajo Nation คะ มีกฎหมายและการปกครองเป็นของตนเอง ไม่ขึ้นกับรัฐบาล ดังนั้นหลายแห่งจึงสร้าง ” บ่อน- Casino” เพราะกฎหมายกลางที่ห้ามสร้างแหล่งการพนัน เข้าไม่ถึงนะคะ
คนพื้นเมืองเจ้าของประเทศยังน่าสงสาร ไม่ต่างกับเมื่อตอนถูกไล่ล่าฆ่าตายจากคนมาใหม่ ทุกวันนี้รายได้เฉลี่ยก็น้อยกว่าคนเชื้อชาติอื่นๆ หรือแม้แต่ผู้อพยพมาจากต่างแดน เช่น ชาวอเมริกาใต้ หรือชาวเอเชียน การศึกษาก็ไม่สูงนัก จำนวนคนจบปริญญาเอกนับได้ครบไม่ยากเลย การรักษาพยาบาลก็ไม่เจริญ หมอเก่งๆ ก็ไม่อยากเข้าไปอยู่ใน reservation งบประมาณจากรัฐที่เจียดให้เพื่อพัฒนาก็ (ลือกันว่า) น้อยกว่าที่ให้นักโทษในคุกเสียอีก
วรรณกรรมงานเขียนหลายเล่มหลายเรื่องเกี่ยวกับคนพื้นเมือง จึงสะท้อนถึงความพ่ายแพ้เป็นเบี้ยล่าง ต่อความโลภของคนในสมัยก่อน ต่อความเจริญทางวัตถุและความไม่เท่าเทียมกันในสมัยนี้ เรื่องสั้นเรื่องหนึ่งที่ “แป” ชอบ This is what it means to say Phoenix, AZ มีวลีที่ว่า “คนพื้นเมืองมีสิ่งที่มีร่วมและแบ่งปันกัน คือ ความฝันที่แตกสลายกับขวดเหล้า broken dreams and bottles”
แม้ชีวิตจะร้าวรานในอดีต และอนาคตก็ดูจะไม่สว่างไสวเท่าไรนัก แต่คนพื้นเมืองที่นี่ก็ใช้ชีวิตอย่าง (พยายามให้) มีความสุขได้ค่ะ ความเป็นศิลปินในสายเลือด ทำให้พวกเขาสร้างสรรค์งานศิลปะ เช่น พรมทอมือจากขนแกะของเผ่านาวาโฮ (Navajo area rug) ตุ๊กตาไม้แกะสลักของเผ่าโฮปิ (Hopi doll) รวมไปถึง หม้อปั้นดินเผา ตะกร้าสาน เครื่องประดับหินเทอคอล ของคนเผ่าต่างๆ ก็ทำได้อย่างสวยงาม ควรคู่เป็นสมบัติโลก เป็นของสะสมของเศรษฐีทุกประเทศ
ข้อคิดชีวิตและคำสุภาษิตต่างๆ ของชนกลุ่มนี้ ก็สอนให้คนทั่วไปได้มอง “ธรรมชาติรอบตัว” และมอง “ชีวิตรอบตน” ในอีกมุมหนึ่งที่เราอาจไม่เคยคิดมาก่อน อย่างเช่นภาพยนตร์เรื่องพอคาฮอนธัส (Pocahontas) ที่ตัวเอกเป็นสาวชาวพื้นเมือง ก็ปลุกกระแสให้เด็กๆ รักและใส่ใจกับธรรมชาติรอบตัว
ไม่ว่าชีวิตจะเป็นเช่นไร พวกเขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่า คติที่เขายึดถือเสมอมานั้นใช้ได้กับทุกสถานการณ์ “Every Struggle Whether Won or Lost, Strengthened Us for the Next to Come” 
การต่อสู้ ไมว่าแพ้หรือชนะ ก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิมเสมอ

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

การค้าต่างประเทศของฝรั่งเศส

 ในอดีตประเทศฝรั่งเศสขาดดุลการค้ามาโดยตลอดจนถึงปี พ.ศ. 2525 ซึ่งได้มีการปรับโครงสร้างใหม่ เช่น การไม่รวมอัตรารายได้กับดัชนีเงินเฟ้อ และการปรับความสามารถในการแข่งขันส่งผลให้สภาวะการค้าของประเทศฝรั่งเศสดีขึ้น และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา ประเทศฝรั่งเศสก็ได้เปรียบดุลการค้าติดต่อกันเรื่อยมา โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ฝรั่งเศสได้เปรียบดุลการค้า คือ ราคาพลังงานที่ฝรั่งเศสต้องนำเข้าได้ลดลง ประเทศฝรั่งเศสทำการค้ากับสหภาพยุโรปเป็นสำคัญโดยร้อยละ 60 ของการส่งออกของฝรั่งเศสส่งไปยังตลาดสหภาพยุโรป ซึ่งเดิมถือว่าเป็นจุดอ่อนของประเทศฝรั่งเศส แต่สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันได้กลายเป็นข้อได้เปรียบ และการส่งออกสินค้ามูลค่าสูงเช่น เครื่องบินแอร์บัส และอุปกรณ์การบิน ดาวเทียม อุปกรณ์ด้านการทหาร และรถไฟความเร็วสูง (TGV) ได้ขยายตัวอย่างมากโดยมีสัดส่วนถึงร้อยละ 20 ของการส่งออกของประเทศฝรั่งเศสทั้งหมด

    แนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต คาดว่าประเทศฝรั่งเศสจะได้เปรียบดุลการค้าลดลง เนื่องจากการถดถอยของอุปสงค์โลก ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจเอเชีย ในปี พ.ศ. 2541 และการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ภายหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกาและสงครามในอิรัก