วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

Production écrite

Je m'appelle Pattraporn.
Moi, je déteste le lundi et le mercredi.
Pourquoi? Parce que le lundi et le mercredi il y a cours de maths.
Je n'aime pas les maths. Je préfére l'anglais. 


วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

10 อันดับเมืองที่หนาวที่สุดในโลก!

เดือนธันวาคมถือว่าเป็นเดือนที่หนาวที่สุดสำหรับบ้านเรา หลายๆคนกำลังหาที่สัมผัสอากาศหนาวๆ ไม่ว่าจะตามดอย ยอดภู หรือแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ ตลอดถึงการเดินทางไปสัมผัสอากาศหนาวในต่างประเทศด้วย.... ในบรรยากาศแบบนี้ ผมจึงเอาสถานที่ที่ชื่อว่าหนาวเย็นยะเยือกมาฝาก เผื่อว่าคุณๆอยากไปลองสัมผัสดูบ้าง.

ผู้คนที่อยู่อาศัยในเมืองที่หนาวที่สุดเหล่านั้น จะต้องเข้าใจวิธีการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมตลอดจนวิถีชีวิตต่างๆเพื่ออยู่กับเมืองหนาวเย็นนั้นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอุปกรณ์อีเลคทรอนิค น้ำมัน หมึกและของเหลวต่างๆ ซึ่งจะแข็งตัวในสภาพอุณหภูมิที่ติดลบ... แน่นอน มนุษย์เราสามารถจัดการเพื่อให้อยู่ในสภาพเย็นสุดๆแบบนั้นได้แน่ และต่อไปนี้คือ 10 เมืองที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุด



10. International Falls, America

International Falls (อเมริกา) ตั้งอยู่ที่ the Rainy River มีประชากรราว 7000 คน อุณหภูมิโดยเฉลี่ยคือ 36 องศา F หรือ 2 องศา C โดยที่อุณหภูมิเฉลี่ยช่วงเดือน ธันวาคม – กุมภาพันธุ์ จะต่ำกว่า 0 องศา ด้วยความหนาวเย็นแบบนี้ เมือง International Falls จึงได้รับการโปรโมทให้เป็น “Icebox of the nation”.

9. Barrow, America


เมืองแบโรว์ ในอเมริกา เป็นหนึ่งในเมืองที่หนาวที่สุดในอลาสก้า และเป็นเมืองที่มีอุณหภูมิใกล้เคียงกับเขตขั้วโลกใต้ (Antarctic Circle ) ที่สุดของอเมริกา อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -20.1 องศา C (-29.0 F) ซึ่งเคยลบถึง -53.0 C (-47.0 F) ในบางครั้งที่เมืองนี้จะเห็นแสงเหนือ (auroras) ด้วย เมืองแบโรว์เหมาะมากสำหรับเล่นสกี

8. Umiat, America

Umiat (อเมริกา) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10.0 F (-12 C ) จึงทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่หนาวที่สุดเมืองหนึ่งในอเมริกา เมือง Umiat ตั้งอยู่ห่างจาก Deadhorse ในเขตขั้วโลกเหนือ (Arctic Circle) ราว 140 ไมล์ลงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ สามารถไปถึงเมืองนี้ได้โดยอากาศยาน หรือทางแม่น้ำเท่านั้น เพราะไม่มีถนนหรือทางรถไฟเข้าไปถึง 

7. Prospect Creek, Alaska in United States

Prospect Creek, Alaska (อเมริกา) ในวันที่ 23 เดือนมกราคม ปี 1971 ไปป์ไลน์แค้มบันทึกไว้ว่า เป็นวันที่มีอุณหภูมิต่ำที่สุดของสหรัฐอเมริกา : -79.8 F หรือ -62.1 C Prospect Creek ตั้งอยู่ห่างจาก Bettles, Alaska ลงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 25 ไมล์



6. Yakutsk, Russia

Yakutsk (รัสเซีย) ที่มีประชากร 200,000 คน และเป็นเมืองหลวงของเขต Yakutia ในไซบีเรีย ในเดือนมกราคม อุณหภูมิสูงสุดของวันจะอยู่ที่ – 58 F (-50 C) ประชาชนจะได้รับการเตือนว่าอย่าใส่แว่นตาที่ด้านนอกของอาคาร เพราะจะมันแข็งตัวและแตกจนเป็นอันตรายต่อใบหน้า



5. Snag in Yukon, Canada

Snag ใน Yukon (แคนาดา) ในวันที่ 3 กุมภาพันธุ์ ปี 1974 สแนก หมู่บ้านเล็กๆใน Yukon ได้บันทึกไว้ว่ามีอากาศหนาวเย็นที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ คือ – 81.4 F (-63 C) หมู่บ้านนี้ได้ก่อตั้งขึ้นในช่วงยุคตื่นทอง ในปลายศตวรรษ 1800 Snag ตั้งอยู่ที่หุบเขาในทางใต้ beaver creek


4. North Ice Station Greenland

North Ice Station Greenland ; กรีนแลนด์ เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นสถานที่ๆหนาวที่สุดในซีกโลกด้านเหนืออีกแห่งหนึ่ง ในเดือน มกราคม วันที่ 9 ปี 1954 อุณหภูมิต่ำถึง -87 F (-66 C) จากบันทึกของ the North ice Research Station ที่อยู่ทางตอนกลางของ Greenland Ice Sheet



3. Verkhoyansk, Russia


Verkhoyansk (รัสเซีย) ที่ตั้งอยู่ใน เขตยาคูเทีย ในไซบีเรีย ภายในบริเวณ the Arctic Circle เมืองนี้จัดว่าเป็นเมืองเล็กอันดับที่ 3 ในรัสเซีย ซึ่งมีประชากรเพียง 1400 คน อุณหภูมปกติจะประมาณ – 40 C (- 40 F) และจะต่ำสุดถึง -69.8 C (-93.6F).




2. Oymyakon, Russia

หมู่บ้าน Oymyakon (รัสเซีย) อยู่ในทางทิศตะวันออกของไซบีเรีย มีประชากรราว 900 คนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ – 96 F หรือ -71.2 C ในช่วงฤดูหนาวที่มีถึง 9 เดือน Oymyakon อยู่ในระหว่างภูเขาจึงทำให้อากาศหนาวเย็นยิ่งขึ้น



1.Vostok Station, Antarctica


สถานี Vostok (ขั้วโลกใต้) ซึ่งทวีป Antarctica ถือว่าเป็นสถานที่หนาวเย็นที่สุดในโลก มีเพียงนกเพ็นกวินและแมวน้ำเท่านั้นที่อาศัยอยู่ที่นี่สำหรับครึ่งหนึ่งของปี พื้นที่บริเวณนี้ถือว่าเป็นทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย อุณหภูมิต่ำถึง -128.60 F หรือ -89.2 C


วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

8 สิ่งเล็กๆ (น่ารู้) เกี่ยวกับประเทศฝรั่งเศส!


 ฝรั่งเศสไม่นิยมการให้ทิป


          ถ้าน้องๆ คนไหนที่คิดจะไปเรียนที่ฝรั่งเศสและทำงานพิเศษโดยหวังจะได้ทิปเยอะๆ นั้น ขอบอกว่าเป็นเรื่องยากเลยค่ะ เพราะที่ฝรั่งเศสเค้าไม่นิยมให้ทิปกัน (บางคนมองว่าเป็นเรื่องแปลกด้วยซ้ำ) ค่าบริการต่างๆ ถูกรวมไว้ในบิลแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องให้ทิปเพิ่ม แต่ถ้าพนักงานบริการดีมากๆๆๆๆๆ อาจจะได้ทิปเล็กๆ น้อยๆ ซัก 1-2 ยูโรก็ได้


ต้นกำเนิดของเครป
         "เครป" เป็นของหวาน (หรือคาว?) เมนูโปรดของน้องๆ หลายคน แต่รู้มั้ยว่า ต้นกำเนิดที่แท้จริงของเครปเกิดที่ฝรั่งเศสนี่แหละค่ะ หลายๆ คนมักเข้าใจผิดว่าเครปมีต้นกำเนิดที่ญี่ปุ่น เพราะตามร้านต่างๆ มักติดป้ายว่า "เครปญี่ปุ่น" 5555 โดยเมืองที่เป็นต้นกำเนิดแบบอิริจินัลแท้ๆ อยู่ที่แคว้นชื่อ"Bretagne" เป็นแคว้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส โดยในอดีตนั้น คนฝรั่งเศสจะนิยมทานเครปกับน้ำผลไม้ค่ะ แต่ปัจจุบันนิยมทานกับผลไม้สดไม่ก็ช็อกโกแล็ต



ร้านขายยาที่ขาย "ยา"
          ถ้าให้ลองนึกภาพร้านขายยาในปัจจุบัน นอกจากจะขายยาแล้ว แทบทุกร้านก็ยังมีขายเครื่องดื่ม หรือบางร้านใหญ่ๆ ก็มีเครื่องสำอาง มาสคาร่า หรือของใช้อื่นๆ ทิชชู่ หวี กระจก สารพัดจะหามาขาย แต่ร้านขายยาในฝรั่งเศสนั้นจะขายเฉพาะ "ยา" เท่านั้นค่ะ ซึ่งร้านขายยานั้นสามารถหาได้ง่ายตามมุมถนนทั่วไป เพราะคนฝรั่งเศสเค้าจริงจังเรื่องสุขภาพและการใช้ยามากกกก เคยมีการสำรวจพบว่า คนฝรั่งเศสเป็นชาติที่เสียเงินใช้จ่ายในการซื้อยามากที่สุดในยุโรป


จริงจังเรื่องสุขภาพ
          องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยจัดอันดับให้ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีระบบดูแลสุขภาพประชาชนที่เยี่ยมที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง โดยวัดได้จากการที่ฝรั่งเศสมีอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคร้ายที่ต่ำมาก สาเหตุก็มาจากว่า ทุกคนมีประกันสุขภาพ และประกันสุขภาพนี้จะจ่ายทดแทนให้ได้หมดแทบไม่มีข้อยกเว้น ป่วยเมื่อไหร่ประกันจ่ายให้หมด 100% หรือแม้แต่ชาวต่างชาติที่เข้าไปในอาศัยในประเทศฝรั่งเศสก็ต้องมีประกันสุขภาพด้วยเช่นกัน โดยราคาของประกันสุขภาพอยู่ที่ประมาณ 200-500 ยูโรหรือประมาณ 8,000-20,000 บาทต่อปีค่ะ

จำนวนนักท่องเที่ยว
         ประเทศฝรั่งเศสมีประชากรจำนวน 64 ล้านคนซึ่งไม่แตกต่างจากประเทศไทยบ้านเรานัก แต่!!!!!! ประเทศฝรั่งเศสมีนักท่องเที่ยวมาเยือนปีละ 70 กว่าล้านคน ถือว่ามากกว่าจำนวนพลเมืองในประเทศด้วยซ้ำ สุดยอดเลยเนาะ นอกจากนี้ ยังถือเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุดของปี 2011 (ใน 10 อันดับมีเอเชีย 3 ประเทศคือ จีน ตุรกี และมาเลเซีย)



ภาษีโทรทัศน์ 
         น่าแปลกดีเหมือนกันที่ใครมีโทรทัศน์ ต้องเสียภาษีโทรทัศน์ด้วย!! โดยตกประมาณ 200 ยูโรหรือ 8,000 บาทต่อปี ภาษีเหล่านี้ทางรัฐบาลจะนำไปปรับปรุงรายการโทรทัศน์ให้มีคุณภาพมากขึ้น และที่สำคัญคือมีโฆษณาคั่นรายการน้อยมากกกกค่ะ เพราะรัฐบาล
ฝรั่งเศสไม่ต้องการให้ประชาชนถูกโฆษณาเหล่านั้นมอมเมา (พูดง่ายๆ คือปกติรายการทีวีต้องมีโฆษณาเข้า ถึงจะมีรายได้ แต่รายการทีวีของฝรั่งเศสไม่มีรายได้จากโฆษณา เลยต้องเก็บเป็นภาษีแทน) แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่ฝรั่งเศสนะคะที่มีการเก็บภาษีโทรทัศน์ เพราะประเทศอื่นๆ ในยุโรป เช่น เยอรมัน เดนมาร์ค ออสเตรีย เค้าก็มีเก็บเหมือนกันแถมแพงกว่าที่ฝรั่งเศสด้วย


ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า
          เราคงคุ้นเคยกับประโยคที่ว่า The customer is always right. คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงลูกค้าก็คือพระเจ้าและถูกอยู่เสมอ แต่ไม่ใช่ที่ฝรั่งเศสค่ะ ! ว่ากันว่าวิถีการให้บริการของคนที่นั่นค่อนข้างแข็งๆ ทื่อๆ ไม่ค่อยแคร์ลูกค้า เคยมีคนกล่าวไว้ว่า เวลาเปิดร้านค้าในฝรั่งเศสขึ้นอยู่กับอารมณ์คนขาย ไม่ได้จะแคร์ลูกค้า 555



เจ้าแห่งรางวัลโนเบล
          ชาวฝรั่งเศสเป็นชาติที่โรแมนติก ดังนั้นที่นี่จึงเป็นบ้านเกิดของกวีและนักเขียนชื่อดังมากมาย ที่สำคัญ ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ได้รับรางวัลโนเบลในสาขาวรรณกรรมมากที่สุดของโลกด้วยค่ะ โดยนักเขียนที่เคยได้รับรางวัลนี้ก็เช่น J. M. G. Le Clézio หรือ ฌ็อง มารี กุสตาฟว์ เลอ เกลซีโย เป็นนักเขียนและนักเดินทางรอบโลกชาวฝรั่งเศส มีผลงานเขียนกว่า 40 เรื่อง จนได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเมื่อปี 2008 ที่ผ่านมาค่ะ

  
ที่มา:www.dek-d.com